การเลือกใช้ระหว่าง Wi-Fi และการเช่าซิมการ์ดในญี่ปุ่นขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่คุณจะอยู่ ความต้องการการเชื่อมต่อ และว่าคุณเดินทางคนเดียวหรือเป็นกลุ่ม สำหรับผู้ที่เยือนญี่ปุ่นในระยะสั้นไม่เกิน 90 วัน เช่น การท่องเที่ยว การช็อปปิ้ง หรือการศึกษาระยะสั้น ซิมการ์ดเติมเงินหรือเราเตอร์ Wi-Fi พกพาเป็นทางเลือกที่ยืดหยุ่นและคุ้มค่าที่สุด โดยไม่มีค่าธรรมเนียมการยกเลิกหรือข้อจำกัดในระยะเวลาสัญญาทำให้ตัวเลือกเหล่านี้น่าสนใจเป็นพิเศษ ซิมการ์ดเติมเงินเป็นวิธีที่สะดวกในการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนของคุณ เหมาะสำหรับการใช้งานส่วนบุคคลและให้บริการทั้งข้อมูลและบางครั้งมีบริการโทรศัพท์เสียง เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับนักศึกษาต่างชาติหรือท่องเที่ยวที่ต้องการการเชื่อมต่อมือถือชั่วคราวที่ไม่ยุ่งยาก
ในทางกลับกัน เราเตอร์ Wi-Fi พกพามีความสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการการเชื่อมต่อที่กว้างขึ้น สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์หลายเครื่องพร้อมกัน ทำให้เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับกลุ่มหรือบุคคลที่มีหลายอุปกรณ์ Wi-Fi พกพาช่วยให้คุณและเพื่อนร่วมเดินทางหรืออุปกรณ์ทั้งหมดของคุณยังคงออนไลน์ได้ด้วยการเชื่อมต่อเดียวที่จัดการได้ง่าย ซึ่งเหมาะมากสำหรับการนำทาง การสตรีม หรือการทำการวิจัยระหว่างเดินทางในญี่ปุ่น
การเปรียบเทียบระหว่างระยะสั้นและระยะยาว
การเช่าบริการ Wi-Fi และ SIM การ์ดระยะสั้น
การเช่า Wi-Fi ระยะสั้นเหมาะสำหรับนักศึกษาต่างชาติหรือท่องเที่ยวที่มาเยือนญี่ปุ่นในระยะเวลาสั้นๆ ซึ่งการเช่าบริการนี้ให้ความสะดวกด้วยข้อมูลอินเทอร์เน็ตไม่จำกัดโดยไม่ต้องผูกมัดกับสัญญาระยะยาว ทำให้เหมาะสำหรับการพักระยะสั้น การเช่า SIM การ์ดระยะสั้นก็เช่นกัน โดยมีสัญญาสูงสุด 90 วัน มอบทางเลือกที่สะดวกสบายสำหรับผู้ที่ต้องการการเชื่อมต่อมือถือที่ยืดหยุ่นในทันที ตัวเลือกนี้จะไม่ทำให้คุณกังวลเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมการยกเลิกหรือการเปิดใช้งาน รวมถึงแผนข้อมูลไม่จำกัดที่สามารถใช้กับโทรศัพท์ได้ทุกรุ่น รวมทั้งโทรศัพท์ที่นำเข้าจากต่างประเทศ นี่คือตัวเลือกที่คุ้มค่าและใช้งานได้จริงสำหรับนักศึกษาที่เข้าร่วมโปรแกรมการศึกษาในระยะสั้นหรือนักท่องเที่ยวที่สำรวจญี่ปุ่น
การเช่าบริการ Wi-Fi และ SIM การ์ดระยะยาว
สำหรับนักศึกษาที่วางแผนจะอยู่ในญี่ปุ่นเป็นระยะยาว เช่น นักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนเต็มเวลาในหลักสูตรที่ใช้ระยะเวลาหลายปี การเช่า Wi-Fi ระยะยาวจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม บริการเหล่านี้มีความยืดหยุ่นในการเลือกระยะเวลาสัญญาให้ตรงกับระยะเวลาที่พัก พร้อมกับการครอบคลุมอินเทอร์เน็ตที่ดีในอัตราที่สามารถจ่ายได้ เช่นเดียวกัน การเช่า SIM การ์ดระยะยาวจะรองรับผู้ที่อยู่อาศัยในญี่ปุ่นในสัญญาที่มีอายุเกิน 90 วัน การได้มาซึ่ง SIM การ์ดพร้อมหมายเลขโทรศัพท์ในญี่ปุ่นตอนนี้ง่ายขึ้นสำหรับนักศึกษาต่างชาติเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบและความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2021 เป็นต้นไป ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือไม่สามารถล็อก SIM การ์ดมือถือได้ ทำให้กระบวนการรับสัญญาโทรศัพท์ หรือแม้กระทั่งการนำอุปกรณ์ของคุณเองมาที่ญี่ปุ่นทำได้ง่ายขึ้นและไม่ซับซ้อน
แผนบริการที่เป็นมิตรกับชาวต่างชาติสำหรับผู้ที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่น
ผู้ให้บริการเหล่านี้ เช่น Mobal, Sakura Mobile และ Ninja Wi-Fi, berrymobile ได้ออกแบบมาโดยคำนึงถึงชุมชนต่างชาติ โดยมีการสนับสนุนภาษาอังกฤษและลงทะเบียนออนไลน์ได้ง่าย แม้ก่อนที่จะมาถึงญี่ปุ่น แผนบริการเหล่านี้ให้บริการทั้งเสียงและข้อมูล รวมถึงหมายเลขโทรศัพท์ญี่ปุ่นพร้อมรับสายฟรี บนเครือข่ายที่น่าเชื่อถือ เช่น Docomo 4G ตัวเลือกการชำระเงินที่ยืดหยุ่น เช่น บัตรเดบิต/เครดิต และ PayPal โดยรับประกันว่าไม่มีสัญญาผูกมัด ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง และมีบริการลูกค้าภาษาอังกฤษที่พร้อมช่วยเหลือตลอด ทำให้การใช้มือถือในญี่ปุ่นเป็นไปอย่างสะดวกและไร้ปัญหา
แผนบริการจากผู้ให้บริการใหญ่ 4 รายในญี่ปุ่น
ผู้ให้บริการหลัก 4 รายในญี่ปุ่น (Softbank, Docomo, au และ Rakuten) พร้อมกับแผนย่อยที่ประหยัดงบประมาณของพวกเขา เสนอตัวเลือกแผนมือถือที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกัน รวมถึงแผนสำหรับครอบครัวและทางเลือกที่ประหยัดงบประมาณ แม้ว่าตัวเลือก eSIM จะมุ่งเน้นไปที่การใช้ข้อมูลและอาจต้องลงทะเบียนในร้านค้าหรือใช้เอกสารเพิ่มเติมและพึ่งพาเครือข่ายโรมมิ่ง แต่แผนเหล่านี้ก็ยังคงเป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัย การลงนามในสัญญาระยะยาวพร้อมกับการมีบัญชีธนาคารญี่ปุ่นจะช่วยให้คุณได้รับเครือข่ายที่ครอบคลุมและมีโอกาสประหยัด แม้ว่าโครงสร้างค่าธรรมเนียมจะซับซ้อนและมีการสนับสนุนลูกค้าเป็นภาษาญี่ปุ่นเป็นหลัก แต่ก็ยังสามารถมั่นใจได้ว่าเป็นประสบการณ์การใช้มือถือที่มีการสนับสนุนอย่างดีในญี่ปุ่น
แผน MVNO
แผน MVNO (Mobile Virtual Network Operator) จากผู้ให้บริการต่างๆ เช่น Iijimo, Mineo, povo, LINEMO และ ahamo เสนอทางเลือกมือถือที่ประหยัดที่สุดในญี่ปุ่น โดยเริ่มต้นที่ราคาเพียง ¥1,000 ต่อเดือน แม้ว่าแผนเหล่านี้จะให้การเข้าถึงเครือข่ายของผู้ให้บริการใหญ่ แต่ผู้ใช้บางรายอาจพบความเร็วที่ลดลงในช่วงเวลาที่มีการใช้งานสูงเนื่องจากการให้สิทธิ์การใช้เครือข่ายเป็นอันดับแรก
การหาบริการ Wi-Fi ฟรีในญี่ปุ่น
ในญี่ปุ่น การหาบริการ Wi-Fi ฟรีในที่สาธารณะเป็นเรื่องที่สะดวกขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะสำหรับนักท่องเที่ยว ตั้งแต่ที่พักต่างๆ เช่น โรงแรมและเรียวกังที่ให้บริการอินเทอร์เน็ตฟรี ไปจนถึงร้านกาแฟและร้านอาหารเช่น Starbucks และ McDonald’s ที่ให้ Wi-Fi ฟรีเมื่อทำการซื้อสินค้า การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจึงเป็นเรื่องง่ายและสะดวก ร้านสะดวกซื้อใหญ่ๆ เช่น 7-Eleven, LAWSON และ FamilyMart ก็ได้ทำให้การเข้าถึงบริการ Wi-Fi ของพวกเขาง่ายขึ้น ซึ่งตอนนี้สามารถใช้งานได้ในภาษาอังกฤษแล้ว ศูนย์การคมนาคม รวมถึงสนามบินทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ รวมถึงสถานีรถไฟหลักๆ ก็ได้จัดหาบริการ Wi-Fi ให้ผู้เดินทางใช้ ถึงแม้ว่าการเชื่อมต่ออาจจะไม่เสถียรในบางพื้นที่ของการขนส่ง นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังได้ติดตั้ง Wi-Fi ฟรีในห้างสรรพสินค้าและแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ซึ่งช่วยเพิ่มประสบการณ์การท่องเที่ยวได้อย่างมาก สำหรับผู้ที่ต้องการการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างต่อเนื่อง ร้านมังงะคิซาเท็น หรือคาเฟ่อินเทอร์เน็ตก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ โดยมีบูธให้ใช้สำหรับการท่องเว็บหรืออ่านมังงะ ซึ่งมักจะคิดค่าบริการตามชั่วโมง โดยรวมแล้ว การที่ญี่ปุ่นให้บริการ Wi-Fi ฟรีทำให้การเดินทางและการสำรวจประเทศเป็นเรื่องง่ายสำหรับนักท่องเที่ยว
