
- 1. เที่ยวญี่ปุ่น|เบอร์ติดต่อฉุกเฉินเมื่อเกิดปัญหาขณะเที่ยวญี่ปุ่น
- 1.1. ป้อมตำรวจ (Koban)
- 1.2. การค้นหาป้อมตำรวจ
- 1.3. เบอร์ติดต่อฉุกเฉิน
- 1.4. การใช้โทรศัพท์สาธารณะ
- 1.5. กรณีที่ 1: เมื่อทำสิ่งของหล่นหายบนรถไฟ ชินคันเซ็น หรือขนส่งสาธารณะต่าง ๆ
- 1.6. กรณีที่ 2: หากได้รับบาดเจ็บหรือไม่สบาย
- 1.7. กรณีที่ 3: เมื่อเกิดปัญหาผู้บริโภคกับร้านค้าหรือร้านอาหาร
- 1.8. กรณีที่ 4: ขอความช่วยเหลือจากสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลญี่ปุ่น
- 1.9. กรณีที่ 5: สายด่วนขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO)
- 2. ก่อนเดินทางไปญี่ปุ่น ควรตรวจสอบเบอร์ติดต่อฉุกเฉิน
เที่ยวญี่ปุ่น|เบอร์ติดต่อฉุกเฉินเมื่อเกิดปัญหาขณะเที่ยวญี่ปุ่น
เมื่อเกิดปัญหาบางอย่างขึ้นขณะกำลังเที่ยวที่ญี่ปุ่น หลายคนคงจะสงสัยว่าต้องติดต่อไปที่ไหนดี เพื่อให้การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย เราจึงได้รวบรวมเบอร์ติดต่อฉุกเฉินที่สำคัญในญี่ปุ่นมาให้ทุกคนทราบก่อนจะออกเดินทางไปเที่ยวกัน
ป้อมตำรวจ (Koban)
“ป้อมตำรวจ” เป็นสิ่งแรกที่อยากให้ทุกคนจำเอาไว้ เนื่องจากป้อมตำรวจนั้นมีตำรวจประจำการอยู่ตลอดเวลา โดยหน้าที่หลักของพวกเขาคือการดูแลและรักษาความปลอดภัยในชุมชน การเข้าถึงป้อมตำรวจนั้นง่ายกว่าการไปที่สถานีตำรวจใหญ่ๆ เพราะในญี่ปุ่นมีป้อมตำรวจถึง 12,500 จุด กระจายอยู่ทั่วทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นในเมืองใหญ่หรือตามชนบท
เมื่อจองโรงแรมสำหรับพักในญี่ปุ่นได้แล้ว ควรสำรวจบริเวณใกล้เคียงเพื่อหาป้อมตำรวจที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากที่พัก เพื่อให้สามารถขอความช่วยเหลือได้ทันท่วงทีหากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น การทำของหาย หรือการเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่ต้องการความช่วยเหลือ คุณสามารถเดินไปที่ป้อมตำรวจที่อยู่ใกล้ที่สุดได้เลย โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการสื่อสาร เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจส่วนใหญ่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ในระดับเบื้องต้น
การค้นหาป้อมตำรวจ
หากคุณไม่แน่ใจว่าป้อมตำรวจอยู่ที่ไหน สามารถใช้ Google Maps ในการค้นหาคำว่า “Koban” ซึ่งจะมีจุดสีแดงปรากฏขึ้นมาแสดงถึงที่ตั้งของป้อมตำรวจต่างๆ บนแผนที่ การใช้เทคโนโลยีนี้จะช่วยให้คุณสามารถหาป้อมตำรวจได้อย่างรวดเร็วเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
เบอร์ติดต่อฉุกเฉิน
นอกจากการหาป้อมตำรวจแล้ว ยังมีเบอร์ติดต่อฉุกเฉินที่ควรจดจำเมื่อมาเที่ยวญี่ปุ่น ซึ่งประกอบไปด้วย:
- ตำรวจ: โทร 110
- ดับเพลิง/กู้ภัย/รถพยาบาล: โทร 119
- ศูนย์ให้คำปรึกษาฉุกเฉิน: โทร #7119 (เมื่อไม่แน่ใจว่าควรเรียกรถพยาบาลหรือควรไปโรงพยาบาลทันที สามารถโทรไปปรึกษาและขอคำแนะนำก่อนได้)
หากคุณไม่มีหมายเลขโทรศัพท์ญี่ปุ่น จะไม่สามารถโทร 110 หรือ 119 ได้ แต่สามารถใช้โทรศัพท์สาธารณะในเมืองเพื่อแจ้งเหตุได้ฟรี โดยเฉพาะในสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน เช่น สถานีรถไฟและห้างสรรพสินค้า
การใช้โทรศัพท์สาธารณะ
โทรศัพท์สาธารณะในญี่ปุ่นอาจมีจำนวนน้อยลงเนื่องจากการใช้โทรศัพท์มือถือที่แพร่หลาย แต่ยังมีให้บริการในสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน ควรเตรียมเหรียญญี่ปุ่นหรือบัตรโทรศัพท์ที่สามารถหาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อและสถานีรถไฟ
การเตรียมตัวและมีข้อมูลสำคัญเหล่านี้จะช่วยให้การเที่ยวญี่ปุ่นของคุณปลอดภัยและสนุกสนานมากยิ่งขึ้น

กรณีที่ 1: เมื่อทำสิ่งของหล่นหายบนรถไฟ ชินคันเซ็น หรือขนส่งสาธารณะต่าง ๆ
การเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะถือเป็นเรื่องปกติในระหว่างการท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่น เนื่องจากระบบขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพและทันสมัย หากเกิดเหตุการณ์ที่ทำสิ่งของหล่นหายขึ้น เช่น บนรถไฟชินคันเซ็นหรือในระบบขนส่งสาธารณะอื่น ๆ มีขั้นตอนและวิธีการที่ควรปฏิบัติดังนี้
ติดต่อเจ้าหน้าที่ประจำสถานี
เมื่อพบว่าทำของหาย ควรติดต่อกับเจ้าหน้าที่ประจำสถานีที่คุณอยู่ในขณะนั้น เช่น ถ้าทำของหายที่สถานี JR ชินจุกุ สามารถไปที่เคาน์เตอร์ข้อมูลหรือจุดบริการลูกค้า (Service Center) ของสถานี JR ชินจุกุ เพื่อแจ้งเหตุการณ์และขอความช่วยเหลือได้โดยตรง เจ้าหน้าที่จะช่วยคุณในการค้นหาสิ่งของที่หายไป โดยอาจจะมีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดหรือประสานงานกับสถานีที่เกี่ยวข้อง
ใช้บริการออนไลน์
อีกทางเลือกหนึ่งคือการตรวจสอบสิ่งของที่ลืมไว้ผ่านการแชทในเว็บไซต์ของสถานีหรือบริษัทขนส่ง โดยหลายเว็บไซต์มีให้บริการในหลายภาษา รวมถึงภาษาไทย เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยว ซึ่งสามารถสอบถามผ่านแชทออนไลน์เกี่ยวกับการคืนสิ่งของที่ลืมไว้ได้ ตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ของ โตเกียวเมโทร สำหรับสายโตเกียวเมโทร โดยการเข้าไปที่หน้า “Lost and Found” หรือ “สิ่งของที่ลืม” จะมีข้อมูลและแบบฟอร์มที่สามารถกรอกเพื่อรายงานสิ่งของที่หายไป
ควรไปติดต่อโดยตรง
อย่างไรก็ตาม การติดต่อกับเจ้าหน้าที่ผ่านเว็บไซต์อาจใช้เวลาหลายวันในการตอบกลับและมีความไม่แน่นอนในการติดตามผล โดยเฉพาะในกรณีที่คุณมีแผนการเดินทางกลับหรือมีการเดินทางไปยังสถานที่อื่นในอนาคต ดังนั้น แนะนำให้ไปติดต่อเจ้าหน้าที่ประจำสถานีโดยตรงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดและรวดเร็วที่สุด
ข้อมูลเพิ่มเติมที่ควรทราบ
- เวลาในการเก็บสิ่งของ: ปกติแล้ว หากมีการเก็บสิ่งของที่ลืมไว้ จะถูกเก็บรักษาไว้ที่สถานีเป็นระยะเวลาหนึ่ง ก่อนจะถูกส่งไปยังสำนักงานกลางหรือลานเก็บของที่ใหญ่ขึ้น ดังนั้นควรรีบติดต่อโดยเร็วที่สุด
- เอกสารที่ต้องเตรียม: เมื่อไปติดต่อเจ้าหน้าที่ ควรเตรียมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น รายละเอียดของสิ่งของที่หายไป (เช่น สี, ขนาด, ยี่ห้อ) และข้อมูลการเดินทาง เช่น หมายเลขตั๋วหรือข้อมูลการเดินทางที่ใช้
- หมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉิน: ในกรณีที่คุณไม่สามารถไปที่สถานีได้ทันที ยังสามารถโทรศัพท์ติดต่อไปยังหมายเลขที่กำหนดของสถานีหรือบริษัทขนส่งเพื่อขอคำแนะนำเพิ่มเติมได้
การเตรียมตัวและการรู้วิธีการติดต่อเจ้าหน้าที่เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเช่นนี้ จะช่วยให้การเดินทางของคุณในญี่ปุ่นเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัยมากขึ้น

กรณีที่ 2: หากได้รับบาดเจ็บหรือไม่สบาย
เมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้คุณได้รับบาดเจ็บหรือรู้สึกไม่สบายในระหว่างการท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่น การได้รับการดูแลทางการแพทย์อย่างรวดเร็วและเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญมาก นี่คือขั้นตอนที่คุณควรปฏิบัติเมื่อเผชิญกับสถานการณ์เหล่านี้:
การปรึกษาเบื้องต้น
หากคุณรู้สึกไม่แน่ใจว่าควรเรียกรถพยาบาลหรือไม่ สามารถโทรไปที่หมายเลข #7119 เพื่อขอคำปรึกษาได้ ที่นี่จะมีเจ้าหน้าที่คอยให้คำแนะนำตลอด 24 ชั่วโมงเกี่ยวกับการได้รับการดูแลทางการแพทย์ อย่างไรก็ตาม การให้บริการนี้มีเฉพาะในภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ไม่สามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้ อาจจะมีความยากลำบากในการสื่อสารในสถานการณ์ฉุกเฉิน ดังนั้นจึงแนะนำให้ใช้คู่มือ ‘Tokyu EMS Guide’ ที่สามารถเข้าถึงได้ผ่านเว็บไซต์ ซึ่งมีให้บริการในภาษาอังกฤษ โดยคุณสามารถตอบคำถามเพื่อประเมินสถานการณ์ของคุณ และเจ้าหน้าที่จะช่วยแนะนำว่าคุณควรไปพบแพทย์หรือไม่ และว่าควรเรียกรถพยาบาลหรือไม่
การค้นหาโรงพยาบาลหรือคลินิก
หากคุณต้องการค้นหาโรงพยาบาลหรือคลินิกที่อยู่ใกล้ที่สุดในกรณีที่คุณต้องการไปพบแพทย์ สามารถใช้บริการจาก Medical Information Net (Navi) ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานพยาบาลในญี่ปุ่น โดยคุณสามารถค้นหาตามพื้นที่หรือประเภทของการรักษาที่คุณต้องการได้ นอกจากนี้ เว็บไซต์นี้ยังมีข้อมูลเกี่ยวกับเวลาทำการและบริการที่มีให้ ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถเลือกสถานที่ที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณได้อย่างรวดเร็ว
การเตรียมตัวก่อนเข้าพบแพทย์
- เตรียมเอกสารสำคัญ: ควรมีประกันสุขภาพหรือเอกสารการเดินทางที่เกี่ยวข้องเตรียมไว้ เพื่อให้การดำเนินการในโรงพยาบาลเป็นไปอย่างราบรื่น
- หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ: ควรมีหมายเลขโทรศัพท์ของสถานทูตหรือสถานกงสุลของประเทศของคุณในญี่ปุ่น เพื่อให้สามารถติดต่อสอบถามเกี่ยวกับการช่วยเหลือหรือคำแนะนำเพิ่มเติมได้
- แปลภาษา: หากคุณไม่สามารถสื่อสารภาษาญี่ปุ่นได้ สามารถใช้แอพพลิเคชั่นแปลภาษาบนสมาร์ทโฟนเพื่อช่วยในการสื่อสารกับเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์
การใช้บริการฉุกเฉิน
ในกรณีที่คุณต้องการเรียกรถพยาบาล สามารถโทรไปที่หมายเลข 119 ซึ่งเป็นเบอร์ติดต่อสำหรับบริการฉุกเฉินในญี่ปุ่น การตอบสนองต่อการเรียกรถพยาบาลจะมีความรวดเร็ว โดยที่คุณสามารถอธิบายสถานการณ์ของคุณให้เจ้าหน้าที่ฟังได้ เพื่อให้พวกเขาสามารถเตรียมความพร้อมที่เหมาะสมสำหรับการช่วยเหลือคุณ

กรณีที่ 3: เมื่อเกิดปัญหาผู้บริโภคกับร้านค้าหรือร้านอาหาร
ในระหว่างการท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่น คุณอาจพบปัญหาผู้บริโภคกับร้านค้าหรือร้านอาหาร เช่น การเรียกเก็บเงินที่ไม่ถูกต้อง หรือบริการที่ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง ในกรณีเช่นนี้ สิ่งสำคัญคือการรู้จักช่องทางในการขอคำปรึกษาเพื่อแก้ไขปัญหานั้นอย่างเหมาะสม โดยมีรายละเอียดดังนี้:
ช่องทางการติดต่อขอคำปรึกษา
หากคุณประสบปัญหาผู้บริโภคและต้องการคำปรึกษาเป็นภาษาไทย สามารถติดต่อไปที่หมายเลข 03-5549-0906 ซึ่งเป็นหมายเลขโทรศัพท์ที่ให้บริการคำปรึกษาด้านการบริโภคในญี่ปุ่น
- เวลาทำการ: วันจันทร์ถึงวันศุกร์ เวลา 10:00 – 16:00 (ยกเว้นวันเสาร์-อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์ และช่วงวันที่ 29 ธันวาคมถึง 3 มกราคม)
การให้คำปรึกษา
เจ้าหน้าที่ที่ให้คำปรึกษาจะช่วยแนะนำวิธีการเจรจากับผู้ประกอบการ รวมถึงเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาเบื้องต้นที่อาจเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่จะไม่สามารถเข้ามาเป็นตัวกลางในการเจรจาได้ ดังนั้นคุณจึงจำเป็นต้องดำเนินการเจรจาและแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง
นอกจากนี้ บนเว็บไซต์ยังมีหน้า F&Q ที่รวบรวมคำถามที่พบบ่อยและข้อมูลตามกฎหมายญี่ปุ่น ซึ่งสามารถช่วยให้คุณเข้าใจสิทธิและหน้าที่ของตนเองในฐานะผู้บริโภคได้ดีขึ้น
การป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
- ตรวจสอบยอดเรียกเก็บเงิน: ควรตรวจสอบยอดเรียกเก็บเงินก่อนที่คุณจะชำระเงินเสมอ โดยดูรายละเอียดของรายการที่สั่งซื้อ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง
- เก็บใบเสร็จรับเงิน: ควรเก็บใบเสร็จหรือหลักฐานการซื้อไว้เพื่อใช้ในการตรวจสอบหรือขอความช่วยเหลือในอนาคตหากเกิดปัญหา
- สื่อสารอย่างชัดเจน: หากคุณมีปัญหากับการบริการ ควรสื่อสารกับพนักงานอย่างสุภาพและชัดเจน เพื่อให้พวกเขาเข้าใจปัญหาและสามารถช่วยแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว
การเจรจาและการร้องเรียน
หากปัญหายังคงไม่ถูกแก้ไข หรือหากคุณรู้สึกว่าไม่ได้รับการบริการที่เหมาะสม คุณสามารถพิจารณาทำการร้องเรียนอย่างเป็นทางการ โดยการแจ้งไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการคุ้มครองผู้บริโภคในญี่ปุ่น ซึ่งจะมีขั้นตอนและวิธีการในการยื่นเรื่องร้องเรียนที่ชัดเจน

กรณีที่ 4: ขอความช่วยเหลือจากสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลญี่ปุ่น
เมื่อคุณเดินทางมาเยือนประเทศญี่ปุ่น อาจเกิดปัญหาหรือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นการสูญหายของเอกสารสำคัญ การเจ็บป่วย หรือแม้แต่การเผชิญกับปัญหาทางกฎหมาย ในกรณีเช่นนี้ คุณสามารถขอความช่วยเหลือจากสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลของประเทศไทยในญี่ปุ่นได้
บทบาทของสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุล
- สถานเอกอัครราชทูต: สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำประเทศญี่ปุ่นตั้งอยู่ในกรุงโตเกียว มีหน้าที่หลักในการดูแลด้านการทูตและการดำเนินการทางการเมือง นอกจากนี้ ยังให้บริการด้านการช่วยเหลือประชาชนไทยที่อยู่ในญี่ปุ่น เช่น การให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเดินทางหรือความช่วยเหลือในกรณีที่เกิดปัญหา
- สถานกงสุล: สถานกงสุลมีอยู่ในหลายเมืองทั่วประเทศญี่ปุ่น และมีหน้าที่ในการดูแลประชาชนไทยที่เดินทางเข้ามาในประเทศ สถานกงสุลสามารถช่วยเหลือได้ในกรณีที่มีการเจ็บป่วย อุบัติเหตุ หรือแม้กระทั่งปัญหาด้านกฎหมาย โดยให้คำแนะนำและสนับสนุนในทุกๆ ด้าน
เมื่อใดควรขอความช่วยเหลือ
- การสูญหายหรือถูกขโมยพาสปอร์ต: หากพาสปอร์ตของคุณสูญหายหรือถูกขโมย ให้ติดต่อสถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลทันที เพื่อทำการขอรับเอกสารแทน
- ปัญหาทางกฎหมาย: หากคุณประสบปัญหาทางกฎหมายในญี่ปุ่น คุณสามารถขอคำแนะนำหรือการสนับสนุนจากเจ้าหน้าที่ของสถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลได้
- ต้องการความช่วยเหลือทางการแพทย์: หากคุณเจ็บป่วยหรือประสบอุบัติเหตุ สามารถขอให้สถานกงสุลช่วยในการหาคลินิกหรือโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด และอาจมีการจัดหาให้มีการสื่อสารในกรณีที่คุณต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติม
วิธีการติดต่อ
เมื่อคุณต้องการติดต่อสถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุล ควรตรวจสอบข้อมูลการติดต่อผ่านทางเว็บไซต์หรือโทรศัพท์ล่วงหน้า โดยเฉพาะในกรณีฉุกเฉิน คุณควรมีหมายเลขติดต่อที่จำเป็นไว้ในมือ เพื่อความรวดเร็วในการขอความช่วยเหลือ

กรณีที่ 5: สายด่วนขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO)
การเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศอาจมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้เสมอ องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO) มีสายด่วนที่พร้อมให้บริการนักท่องเที่ยวตลอด 24 ชั่วโมง 365 วัน เพื่อให้ความช่วยเหลือในเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว
บริการสายด่วน JNTO
- ข้อมูลการท่องเที่ยว: หากคุณมีคำถามเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยว ร้านอาหาร หรือกิจกรรมที่น่าสนใจในญี่ปุ่น สามารถติดต่อสายด่วนของ JNTO เพื่อขอข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการเดินทางของคุณ
- ความช่วยเหลือด้านการแพทย์: ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ที่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล เช่น อาการเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บ คุณสามารถโทรติดต่อเพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้เคียง และจะได้รับข้อมูลที่เหมาะสมเพื่อความสะดวกในการเข้ารับการรักษา
- การแจ้งเตือนเกี่ยวกับพิบัติทางธรรมชาติ: ในกรณีที่เกิดพิบัติทางธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหวหรือพายุไต้ฝุ่น JNTO จะมีการแจ้งข้อมูลสำคัญเป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้คุณได้รับรู้สถานการณ์และแนวทางปฏิบัติที่เหมาะสม
การติดต่อสายด่วน JNTO
- หมายเลขโทรศัพท์: 050-3816-2787
- ภาษาที่ให้บริการ: สายด่วนของ JNTO มีการให้บริการในหลายภาษา รวมทั้งภาษาญี่ปุ่น ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และภาษาเกาหลี เพื่อให้สามารถเข้าถึงข้อมูลและความช่วยเหลือได้อย่างทั่วถึง
คำแนะนำเพิ่มเติม
ก่อนที่คุณจะเดินทางไปญี่ปุ่น ควรทำการติดตามบัญชี X ของ JNTO เพื่ออัปเดตข้อมูลข่าวสารที่สำคัญเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น รวมถึงข้อแนะนำเกี่ยวกับการเดินทางในช่วงเวลาที่มีเหตุการณ์พิเศษหรือการเปลี่ยนแปลงในสถานการณ์ต่าง ๆ
ด้วยความช่วยเหลือจาก JNTO คุณจะสามารถท่องเที่ยวในญี่ปุ่นได้อย่างปลอดภัยและมั่นใจมากขึ้น ไม่ว่าคุณจะเผชิญกับสถานการณ์ใดก็ตามในระหว่างการเดินทาง
ก่อนเดินทางไปญี่ปุ่น ควรตรวจสอบเบอร์ติดต่อฉุกเฉิน
การทราบเบอร์ติดต่อฉุกเฉินต่าง ๆ ที่เราได้แนะนำไปในครั้งนี้ จะช่วยให้คุณรู้สึกอุ่นใจมากขึ้นหากเกิดปัญหาในระหว่างการเดินทางไปญี่ปุ่น แม้ว่าญี่ปุ่นจะเป็นประเทศที่มีความปลอดภัยค่อนข้างสูง แต่การเตรียมความพร้อมก็เป็นสิ่งที่สำคัญเสมอ